
ยุค 3G เป็นยุคแห่งอนาคตอันใกล้ โดยสร้างระบบใหม่ให้รองรับระบบเก่าได้ และเรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS) โดยมุ่งหวังว่า การเข้าถึงเครือข่ายแบบไร้สาย สามารถกระทำได้ด้วยอุปกรณ์หลากหลาย เช่น จากคอมพิวเตอร์ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ระบบยังคงใช้การเข้าช่องสัญญาณเป็นแบบ CDMA ซึ่งสามารถบรรจุช่องสัญญาณเสียงได้มากกว่า แต่ใช้แบบแถบกว้าง (wideband) ในระบบนี้จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WCDMA นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทบางบริษัทแยกการพัฒนาในรุ่น 3G เป็นแบบ CDMA เช่นกัน แต่เรียกว่า CDMA2000 กลุ่มบริษัทนี้พัฒนารากฐานมาจาก IS95 ซึ่งใช้ในสหรัฐอเมริกา และยังขยายรูปแบบเป็นการรับส่งในช่องสัญญาณที่ได้อัตราการรับส่งสูง (HDR-High Data Rate) การพัฒนาในยุคที่สามนี้ยังต้องการความเกี่ยวโยงกับการใช้งานร่วมในเทคโนโลยีเก่าอีกด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงให้ใช้งานได้ทั้งแบบ 1G และ 2G โดยเรียกรูปแบบใหม่เพื่อการส่งเป็นแพ็กเก็ตว่า GPRS-General Packet Radio Service ซึ่งส่งด้วยอัตราความเร็วตั้งแต่ 9.06, 13.4, 15.6 และ 21.4 กิโลบิตต่อวินาที โดยในการพัฒนาต่อจาก GPRS ให้เป็นระบบ 3G เรียกระบบใหม่ว่า EDGE-Enhanced Data Rate for GSM Evolution ปัญหาสำคัญของระบบไร้สาย การที่พัฒนาการของการสื่อสารไร้สายและระบบติดตามตัวยังไปได้ไม่ทันใจ ทั้งนี้เพราะมีอุปสรรคและปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาหลักสี่ประการคือ 1. ระบบไร้สายใช้อัตราการรับส่งข้อมูลได้ต่ำ 2. ค่าบริการค่อนข้างแพง 3. โมเด็มรับส่งแบบคลื่นวิทยุ ใช้กำลังงานไฟฟ้าสูง 4. ระบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ใช้กับระบบติดตามตัวยังไม่ดี ไม่เหมาะกับการใช้งานขณะเคลื่อนที่ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ระบบไร้สายในยุค 3G ต้องแก้ไขให้ได้ให้หมด โดยเฉพาะระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลให้ได้มาก เพื่อจะส่งรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวได้ ต้องมีอัตราค่าใช้บริการที่ถูกลง และเครื่องที่ใช้ต้องใช้กำลังงานต่ำเพื่อจะใช้ได้นาน ส่วนระบบการเชื่อมต่อในปัจจุบันก็ก้าวมาในรูปแบบ WAP - Wireless Application Protocol หรือที่เรียก ย่อ ๆ ว่า WAP รูปแบบของการเอาชนะปัญหาสี่ข้อเป็นเรื่องที่ท้าทายและจะต้องทำให้ได้ ระบบ 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ในระบบ 2G ใช้เทคโนโลยีการเข้าสู่ช่องสื่อสารทั้งแบบ TDMA คือ แบ่งช่องเวลา และ CDMA คือ การเข้ารหัส แล้วส่งในช่องสื่อสารที่มีแถบกว้างเต็มช่อง ซึ่งแบบ CDMA ก็เหมือนกับการรับส่งเป็นแพ็กเก็ต โดยมีแอดเดรสประจำในแพ็กเก็ตนั่นเอง ระบบ 3G เป็นระบบที่ใช้ WCDMA ซึ่งก็เน้นการรับส่งเป็นแพ็กเก็ตนั่นเอง ระบบ WCDMA จึงเน้นช่องสื่อสารขนาดใหญ่ที่แบ่งการใช้งานโดยการเข้ารหัสแล้วส่งเป็นแพ็กเก็ต เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด การหาเส้นทางและการเดินทางของแพ็กเก็ตข้อมูล จึงต้องอาศัยสวิตชิ่ง และระบบ IP แพ็กเก็ตจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญที่จะรวมเครือข่ายต่าง ๆ ให้เป็นเครือข่ายเดียว (Unity Communication) จากข้อมูลพอสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้ -ยุค 1G ยังมีปัญหาเรื่องช่องสัญญาณและอุปกรณ์ที่ใช้จึงมีขนาดใหญ่ ( ดูได้จากตัวโทรศัพ ) และยังเป็นการส่งข้อมูลได้เฉพาะ เสียง ตัวอักษร -ยุค 2G มีสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างจาก 1G โดยสิ้นเชิงที่นอกเหนือไปจากการส่งข้อมุลตัวอักษร และเสียง สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ GPRS และการรองรับมัลติมีเดี่ย บนช่องทางในระบบสื่อสารแบบไร้สาย -ยุค 3G สิ่งที่แตกต่างจาก 2G เห็นได้หลักๆ คือ ความเร็วในการส่งข้อมูล ทำให้สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้สามารถใช้ VDO Call ได้ อันเนื่องมาจากความเร็วในการส่งสัญญาณ พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ GPRS=General Packet Radio Services 1G=First Generation 2G=Second Generation 3G=Third Generation EDGE=Enhanced Data Rates for GSM Evolution/Enhanced Data Rates for Global Evolution CDMA=Code Divison multiple Accees WCDMA=Wideband Code Divison multiple Accees UMTS=Universal Mobile Telecommunications System
กระเทาะเปลือก 3G Third Generation
การล็อบบี้รวมไปถึงการขอซื้อความถี่สัญญาณวิทยุจาก FCC (Federal Communications Commission) และกลุ่มสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหลายทั่วโลก ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทโทรคมนาคมในอังกฤษ 5 บริษัทจ่ายเงินให้กับรัฐบาลสูงสุดถึง 22 พันล้านปอนด์ เพื่อขอจดลิขสิทธิ์ใช้ช่องช่องสัญญาณความถี่สำหรับเครือข่าย 3G ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาสมาพันธ์ FCC กำลังศึกษาที่จะปันคลื่นความถี่ที่เหมาะสม ซึ่งในอีกความหมายหนึ่งคือคุณจะต้องเอาเงินก้อนโตมากองเพื่อแลกมันไปยังมีบางคนไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 3G เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นเราจึงยังเห็นหลายๆบริษัทมุ่งหน้าเดินดุ่มๆไปยังสถานี 2.5G ที่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลแบบไร้สายได้รวดเร็ว แสดงผลข้อมูลแบบมัลติมีเดียความเร็วสูงโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มหรือขยายคลื่นความถี่เดิม ถูกกว่า ง่ายกว่า แต่ความเป็นจริงแล้วความเร็วที่ว่าเจ๋งและสูงสุดเท่าที่ 2.5G ยังห่างไม่ใกล้เคียงกับตัวเลข 2Mbps ของเครือข่าย 3G นี้ได้เลยในแถบเอเซีย ญี่ปุ่นเริ่มเตรียมการตั้งแต่ปี 1996 เมื่อ NTT DoCoMo วางรากฐานของโครงสร้างระบบ i-mode ซึ่งเป็นระบบบริการอินเทอร์เน็ตภายในประเทศ มีโครงสร้างจัดอยู่ในระดับน้องๆของ 3G ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา จะส่งเมล์ รับเมล์ เล่นเกม ท่องอินเทอร์เน็ต จองตั๋วหนัง และอื่นๆอีกมากมายได้ทุกทีที่ต้องการ และยังเป็นเครือข่ายของโลกใช้เทคโนโลยีไร้สายแบบ Packet-Switched แทนเทคโนโลยี Analog และ Circuit-Switched ที่ใช้ในสองยุคแรกรู้จักเทคโนโลยี 3Gความจริงแล้ว 3G ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือแพลตฟอร์มอะไรใหม่ แต่เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำคลื่นความถี่สัญญาณวิทยุมาเพิ่มความกว้างของคลื่นให้สามารถรองรับข้อมูลได้มากขึ้น เพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลระหว่างกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อแบบไร้สาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บ (Web-enabled) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะหรือโทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วยเทคโนโลยี 3G อุปกรณ์สื่อสารของคุณสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ พร้อมให้คุณทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหมุนโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทุกครั้งที่ต้องการใช้งาน ความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลแบบไร้สายที่รวดเร็วระดับ 2Mbps เพียงพอที่จะเปลี่ยนวิถีการใช้โทรศัพท์มือถือของคุณอย่างที่ไม่เคยคาดคิด สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวของคู่สนทนา หรือดาวน์โหลดหนังมาดูได้แบบทันใจ….สะใจพอไหม?มือถือระบบ 3G เป็นอย่างไรมือถือรุ่นใหม่ๆที่จะนำมาใช้งานกับเครือข่ายนี้ ต้องออกแบบระบบการรับส่งข้อมูลให้สนับสนุนการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงของเครือข่าย 3G ได้ แม้รูปร่างหน้าตาอาจดูแปลกตาไปบ้างหรือบางเครื่องยังดูเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากมือถือที่ขายอยู่ในปุจจุบัน แต่ระบบการทำงานและประโยชน์ใช้สอยมีมากกว่าแน่ๆRouting Networks : ระบบเชื่อมสัญญาณที่แตกต่าง เครือข่าย 3G จะเปลี่ยนรูปแบบการส่งข้อมูลใหม่ทั้งหมด กล่าวคือข้อมูลเสียงที่เกิดขึ้นระหว่างการสนทนาจะถูกสับเป็นส่วนๆ (Packet) ซึ่งในแต่ละ (Packet) จะมีรหัสกำกับไว้อย่างชัดเจนว่ามาจากที่ไหนอย่างไร (Packet Switched) High Speeds : สัมผัสความเร็วระดับ 3G ที่ชื่อ Universal Mobile Telecommunications Systems (UMTS) เครือข่ายที่พัฒนาต่อเนื่องจากเทคโนโลยี GSM ให้มีประสิทธิภาพด้านการส่งผ่านข้อมูลมากกว่า GSM รองรับผู้ใช้งาน (Subscriber) ได้มากกว่าดาวน์โหลดข้อมูลได้มากกว่าAiways Connected : บริการทันใจตลอด 24 ชั่วโมง การส่งผ่านข้อมูลแบบ Packet เพื่อลำเลียงเสียงและข้อมูลอื่นๆนั้นหมายความว่ามือถือของคุณได้ทำการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการส่งข้อความ SMS , อีเมล์ , คลิปวีดีโอ สามารถทำได้ทุกขณะที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย ฝ่ายผู้ให้บริการอาจติดตามข้อมูล (Packet) ที่ทำการดาวน์โหลดตามจริง หรืออาจคิดแบบเหมาจ่ายรายเดือนรวดเดียว อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปHeadset Problems : ปัญหาที่ตัวมือถือระบบ 3G จำเป็นต้องมีหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิม สำหรับการรับชมวิดีโอคลิปที่ดาวน์โหลดมาดู การอ่านและป้อนข้อมูลลงไปในหน้าจอ รวมไปถึงขนาดของหน่วยความจำที่ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อใช้สำหรับเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งวีดีโอ คลิปและไฟล์ MP3 รูปร่างของตัวเครื่องอาจมีการขยับขยายและใหญ่กว่ามือถือที่เห็นในปัจจุบันบ้างเล็กน้อย เนื่องจากต้องกันพื้นที่สำหรับแบตเตอร์รี่ , ชิปเซ็ตโมบายเน็ตเวิร์คภายในอีกหลายตัว แต่สิ่งที่เห็นชัดคือ หน้าจอของมือถือนั้นเกือบทุกเครื่องจะมีขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ Stylus สำหรับการอินพุตข้อมูลได้อย่างสะดวก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น